มะปราง คือชื่อที่อยู่ในตระกูลผลไม้ที่จัดอยู่ในพวก มะยงชิด เป็นผลไม้ไทยที่มีรสเปี้ยว หวานกลมกล่อมอร่อยผลเป็นสีเหลืองนิยมปลูกตามบ้าน ขนาดของลำต้นนั้นสูงประมาณ 15-30 เมตร ผลของมะปรางนั้นเนื้อนิ่มกำลังดี ชวนให้น่ารับประทานเป็นอย่างมากมีรสชาติที่หวานปละเปี้ยวกำลังดี นิยมนำมากินกับน้ำปลาหวาน หรือจะนำไปทำเป็นมะปรางแช่อิ่มก็ได้เหมือนกัน
มีสวนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย มีแคลเซียมฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูและฟันให้แข็งแรง ช่วยในการฟอกโลหิต แก้อาการปวดศีรษะ ลดความดัน เบาหวาน ลดการปวดหัว เลือดออกตามไรฟัน ช่วยแก้อาการน้ำลายเหนียว เป็นต้น
ในพืชตระกูลมะปราง สามารถแบ่งออกได้เป็น มะปรางหวาน, มะปรางเปรี้ยว, มะยงชิด, มะยงห่าง, กาวาง. มะปรางหวาน ผลดิบและผลสุกจะมีรสชาติหวานสนิท ว่าด้วยเรื่อง ‘ผลไม้ไทย’ ที่มีหน้าตาเหมือนกันยังกับฝาแฝด ชวนคุณมาดูว่ามีผลไม้ไทยชนิดไหนบ้างที่คนทั่วไปมักสับสน เช่น มะยงชิด กับ , ลองกองมะปราง (มะยงชิด) เป็นผลไม้ที่ชึ้นชื่อที่สุดของจังหวัดนครนายก (มะปราง คือ ผลไม้ที่มีรสหวาน ในขณะที่ผลไม้ สายพันธุ์เดียวกันแต่มีรสเปรี้ยวเรียกว่า มะยงชิด)
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของมะยงชิดออกสู่ตลาด ผลไม้นี้อยู่ในสกุล (genus) Boeua ซึ่งเป็นสกุลเดียวกันกับ มะปริง มะปราง หลายคนอาจแยกกันไม่ออกระหว่างมะปรางกับมะยงชิด เพราะมีลักษณะผลคล้ายกันมาก นอกเหนือจากนั้น แต่ละชนิด (species) ยังมีหลากหลายสายพันธุ์อีกด้วย
ความสับสนเรื่องการเรียกชนิด และสายพันธุ์ของผลไม้กลุ่มนี้ยังรวมถึงวงวิชาการพฤกษศาสตร์ของหลายหน่วยงานทั้งในไทยและระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากผลไม้กลุ่มนี้พบกระจายอยู่ในหลายประเทศในภูมิภาค ตั้งแต่อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย พม่า เวียดนาม ไปจนถึงตอนล่างของยูนนาน แม้จะมีฝรั่งเข้ามาเข้ามาศึกษามานานกว่า 100 ปีตั้งแต่ยุคอาณานิคม แต่ความสนใจศึกษาในทางวิชาการของนักวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นเพิ่งเริ่มต้นได้เมื่อประมาณ 1 ทศวรรษที่ผ่านมานี้เอง
ตอนผลดิบมะปรางหวานจะมีรสมันสีออกเขียวซีดผลใส ขณะที่มะยงชิดจะมีรสเปรี้ยวและสีเขียวจัดในตอนผลดิบ เมื่อสุกแล้วมะปรางหวานจะให้รสชาติหวานหรือหวานจืด ด้านมะยงชิดจะออกรสหวานอมเปรี้ยว ที่สำคัญ.. มะปรางหวานบางสายพันธุ์เมื่อทานแล้วจะระคายเคืองในคอเพราะมียาง แต่มะยงชิดไม่มียาง จึงทานได้อร่อยไม่รู้สึกระคายเคืองคอ
“มะปรางหวาน–มะยงชิด…สร้างความสับสนให้กับคนไทยมิใช่น้อยว่า มันคืออะไร “มีความแตกต่างกันตรงไหน เพราะมองด้วยสายตา ดูต้น ผล ใบ ดอก ดูยังไงไม่สามารถจะแยกได้“จริงๆมะปรางหวานใหญ่ พันธุ์เพชรคลองลาน สายพันธุ์แท้ DNA. ครั้นถึงวันเพ็ญเดือนสามหน้าร้อน เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน จะนำผู้ครองนครเจ้าเมืองน้อยใหญ่พื้นที่การปลูกมะปราง หรือ มะยงชิด เป็นการค้านั้น ควรเป็นแหล่งที่มีฤดูฝนสลับฤดูแล้ง องุ่น (หนาวและร้อน) ที่เด่นชัด เพราะช่วงแล้งดังกล่าวจะมีความสำคัญต่อการออกดอก
มะปรางหวาน ทำตามเองได้ที่บ้านจากคนรักการทำอาหารทั่วโลก! ลองดูสูตร มะยงชิดลอยแก้ว, ชีสพายมะยงชิดสมุนไพรมะปราง. (Bouea macrophylla Griff.) บางถิ่นเรียก (ปัตตานี). เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบรูปกลม เปลือกเป็นร่อง สีเทาอมน้ำตาลอ่อน องุ่นมะปรางเป็นไม้ผลที่ค่อนข้างทนทานต่อความแห้งแล้ง แต่น้ำยังเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและการออกดอกติดผลของมะปราง
ตามท้องตลาดทั่วไปจะเห็นได้ว่า “ลองกอง” แพงกว่า “ลางสาด” เพราะคนส่วนใหญ่นิยมลองกองกันมากกว่า โดยความแตกต่างที่ทำให้คนนิยมลองกองมากว่าเพราะ ลองกองมีรสหวาน เนื้อลางสาดมีรสหวานอมเปรี้ยวกว่า ลางสาดแกะรับประทานได้ยาก เปลือกล่อนได้ไม่ดี ส่วนลองกองแกะรับประทานได้ง่าย เปลือกล่อนออกจากเนื้อได้ดี
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างทางกายภาพอีกคือ หากเป็น ลางสาด รูปร่างของผลจะมีลักษณะออกกลมรี เปลืองบาง ผิวละเอียด สีเปลือกสีเหลืองสดใส ตรงกลางเปลืองมียางสีขาวขุ่น ผลกลมเรียบไม่มีจุก มีเมล็ดมาก (ประมาณ 5 เมล็ด) และเมล็ดมีรสขมมาก
แต่สำหรับ สละ นั้นรูปร่างผลจะเรียวยาว หากเป็นสละแท้ ในสละหนึ่งผลจะมีเนื้อเพียงกลีบเดียวเท่านั้น แม้ในปัจจุบันนี้จะมีสละที่มีเนื้อ 2-3 กลีบจากการผสมข้ามพันธุ์ แต่ลักษณะของผลโดยรวมก็ยังเรียวยาวกว่าสละอยู่ดีส่วนสีเปลือกของสละนั้น ถึงแม้ว่าลูกอมกลิ่นสละไซเดอร์ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจะเป็นสีแดงสดใส แต่สีเปลือกจริงๆ ของสละเป็นสีแดงซีดอมน้ำตาล มีลักษณะเป็นเกล็ดซ้อนทับกันและมีหนาม ต่อมาดูที่เนื้อสละ จะเห็นว่ามีสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมโดดเด่นเฉพาะตัวจนกระทั่งคนหยิบยืมไปสร้างเป็นกลิ่น “สละไซเดอร์” ใส่ในอาหารมากมาย เช่น ลูกอม น้ำหวาน ไวน์ เป็นต้น
สำหรับจำปาดะจะมีขนาดผลเล็กกว่าขนุน ลักษณะของเปลือก เปลือกนอกเมื่อสุกจะไม่สวยเหมือนขนุน เปลือกจะบางและปอกง่ายกว่าขนุน และไม่มียวงใยเหนียวหนืดเป็นยางมาคั่นระหว่างเมล็ด เนื้อจะนิ่มเละ ไม่แข็งกรอบ เนื้อจะเหนียวเคี้ยวไม่ค่อยขาด ไม่เหมือนขนุนที่เคี้ยวง่าย รสชาติจะมีรสหวานจัด มีน้ำเยอะ รสชาติหวานกว่าขนุน กลิ่นจะแรงกว่าขนุน แต่ถ้าเป็น ขนุน ส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นว่ามีผลขนาดใหญ่ เปลือกหนาและผิวของผลเต็มไปด้วยมีหนามเรียงกันชัดเจน ปอกยากกว่าจำปาดะ เพราะมักจะมียวงใยเหนียวหนืดเป็นยาง เนื้อแข็งกรอบ ไม่ฉ่ำน้ำ เคี้ยวง่าย แต่กลิ่นจะหอมน้อยกว่าจำปาดะรู้อย่างนี้แล้ว คราวหน้าเวลาไปหาซื้อ “ผลไม้ไทย” ที่มีหน้าตาคล้ายกันมากๆ ก็จะได้ดูว่าชนิดไหนเป็นชนิดไหนกันแน่ ช่วยแก้ความสับสนไปได้เยอะเลยใช่มั้ยล่ะ?