กระชาย สรรพคุณ-ประโยชน์ ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ

กระชาย

กระชาย หรือ ขิงจีน เป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกเลี้ยงกันในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีชื่อสามัญอื่นอีกคือ กระชายดำ (กลาง, มหาสารคาม) กะแอน (มหาสารคาม, เหนือ) นักวิจัยไทยพบ มีสารสกัดช่วยต้านโควิด-19 ได้ 100% จึงเป็นจุดเริ่มต้นการศึกษาต่อยอดเพื่อใช้สารสกัดจากเป็นยารักษาต้านไวรัสต่อไป กลุ่มยาแก้บิด ท้องเดิน ท้องร่วง โรคกระเพาะ. ชื่อวิทยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda (L.) Mansf. ชื่อสามัญ : Kaempfer. วงศ์ : Zingiberaceae. ชื่ออื่น : กระชายดำ ประโยชน์ – กระชายมีคุณสมบัติบำรุงร่างกาย มีรสชาติเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมระเหยอ่อนๆ ที่สำคัญยังเต็มไปด้วยวิตามิน

 

  1. ระหว่างก้านใบและกาบใบมีลิ้นใบ ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกที่ยอดระหว่างกาบใบคู่ในสุด ยาวประมาณ 5 ซม. แต่ละดอกมีใบประดับ 2 ใบ สีขาวหรือขาวอมชมพูอ่อน รูปใบหอก กว้างประมาณ 8 มม. ยาว 3.5-4.5 ซม. กลีบเลี้ยงสีขาวหรือขาวอมชมพูอ่อน โคนติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 1.7 ซม. ปลายแยกเป็น 3 แฉก กลีบดอกสีขาวหรือขาวอมชมพูอ่อน โคนติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 6 ซม. ปลายแยกเป็น 3 กลีบ รูปใบหอก ขนาดไม่เท่ากัน กลีบใหญ่ 1 กลีบ กว้างประมาณ 7 มม. ยาวประมาณ 1.8 ซม. อีก 2 กลีบ ขนาดเท่ากัน กว้างประมาณ 5 มม. ยาวประมาณ 1.5 ซม.
  2. เกสรเพศผู้ 6 อัน แต่ 5 อัน เปลี่ยนไปมีลักษณะเหมือนกลีบดอก โดย 2 กลีบบนสีชมพู รูปไข่กลับ ขนาดเท่ากัน กว้างประมาณ 1.2 ซม. ยาวประมาณ 1.7 ซม. อีก 3 กลีบล่างสีชมพูติดกันเป็นกระพุ้ง กว้างประมาณ 2 ซม. ยาวประมาณ 2.7 ซม. ปลายแผ่กว้างประมาณ 2.5 ซม. มีสีชมพูหรือม่วงแดงเป็นเส้นๆ อยู่เกือบทั้งกลีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงกระเปาะและปลายกลีบ มีเกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ 1 อัน ก้านชูอับเรณูหุ้มก้านเกสรเพศเมีย ผลแก่แตกเป็น 3 เสี่ยง เมล็ดค่อนข้างใหญ่

 

กระชาย มีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ กระชายดำ

กระชายแดง และกระชายเหลือง (แต่ในบทความนี้เราจะพูดกันถึงกระชายเหลืองครับ) โดยกระชายเป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในแกงป่า หรือผัดต่าง ๆ โดยส่วนที่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารกันมากที่สุดคือ รากสะสมอาหาร หรือที่เรียกว่า “นมกระชาย” ซึ่งรากกระชายนี้จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถใช้เป็นผักจิ้มได้โดยตรง แต่คนส่วนใหญ่มักจะนิยมนำมาใช้เป็นเครื่องแกงซะมากกว่า เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์เนื้อปลาได้เป็นอย่างดี

สรรพคุณ: กระชาย
ตำรายาไทย: เหง้า ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด แก้ปวดมวนท้อง ขับลม ช่วยให้กระเพาะ และลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น แก้โรคอันเกิดในปาก แก้มุตกิด แก้ลมอันบังเกิดแต่กองหทัยวาต แก้ปากเปื่อย ปากแห้ง ปากแตกเป็นแผล แก้ปวดมวนในท้อง แก้บิดมูกเลือด แก้ปวดเบ่ง รักษาลำไส้ใหญ่อักเสบ บำรุงกำลัง ช่วยเจริญอาหาร ขับระดูขาว แก้ใจสั่น ราก(นมกระชาย) แก้กามตายด้าน ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงความกำหนัด มีสรรพคุณคล้ายโสม หมอโบราณเรียกว่า “โสมไทย” หัวและราก ขับปัสสาวะ แก้กระษัย เบาเหลือง แดง เจ็บปวดบั้นเอว บำรุงกำหนัด บำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง แก้ใจสั่นหวิว ขับปัสสาวะ หัวใช้เผาไฟฝนรับประทานกับน้ำปูนใส เป็นยาแก้บิด แก้โรคบังเกิดในปาก แก้มุตะกิต

บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ระบุตำรับ “ยาเลือดงาม” มีส่วนประกอบของเหง้ากระชายร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ แก้มุตกิด
ตำรายาแผนโบราณของไทย: มีการใช้กระชายใน “พิกัดตรีกาลพิษ” คือการจำกัดจำนวนตัวยาแก้พิษตามกาลเวลา 3 อย่าง มีรากกะเพราแดง เหง้าข่า และหัวกระชาย สรรพคุณบำรุงธาตุ บำรุงความกำหนัด แก้ไข้สันนิบาต แก้เลือด เสมหะ แก้กามตายด้าน
ตำรายาพื้นบ้านนครราชสีมา: ใช้เหง้า แก้โรคบิด โดยนำเหง้าย่างไฟให้สุกแล้วโขลกให้ละเอียดผสมกับน้ำปูนใส รับประทานทั้งน้ำและเนื้อ ครั้งละครึ่งแก้ว เช้า เย็น และใช้เหง้าแก้กลากเกลื้อน โดยนำเหง้ามาโขลกให้ละเอียดผสมกับเหล้าโรงทาบริเวณที่เป็นแผล
ตำรายาพื้นบ้านล้านนา: ใช้เหง้า รักษาโรคทางดินปัสสาวะอักเสบ กลากเกลื้อน ท้องอืดเฟ้อ

 

ประโยชน์ของกระชายที่พบเห็นทั่วไป

กระชายที่ใช้เป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร พ่อครัวแม่ครัวมักจะใช้กระชายดำ แต่กระชายส่วนใหญ่มีประโยชน์ได้ใกล้เคียงกัน ดังนี้

  • แก้ท้องร่วง – ใช้เหง้ากระชายดำ 1-2 หัว นำไปปิ้งไฟ แล้วนำมาตำหรือฝนผสมกับน้ำปูนใส คั้นมารับประทาน 1-2 ช้อนแกง
  • แก้ท้องอืด จุกเสียด ปวดมวนท้อง – ใช้ราก เหง้า ครึ่งกำมือ นำมาต้มเอาน้ำหรือใช้ปรุงอาหาร
  • แก้บิด – ใช้เหงาสด 2 เหง้าบดละเอียดผสมน้ำปูนใส คั้นแต่น้ำดื่ม
  • แก้ริดสีดวง – ใช้เหง้าสด 6-8 เหง้า ผสมเนื้อมะขามเปียก และเกลือแกง 3 ช้อนชา นำมาตำแล้วต้มกับน้ำ 6 แก้ว เคี่ยวจนเหลือ 2 แก้ว นำมารับประทานครั้งละครึ่งแก้วติดต่อกัน 1 เดือน จนกว่าริดสีดวงทวารจะหาย
  • บำรุงหัวใจ – ใช้เหง้าและรากกระชายปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด หั่นตากแห้ง บดเป็นผง นำผงแห้งมาชงน้ำร้อนครึ่งถ้วยชา ดื่มให้หมดในครั้งเดียว
  • เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ – ส่วนสรรพคุณกระชายเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ตามที่แบรนด์อาหารเสริมต่างๆ แนะนำให้กินเวลาเย็น เพื่อช่วยลดอาการนอนไม่หลับตอนกลางคืนนั้น ยังต้องรอการศึกษาวิจัยต่อไป
  • บำรุงผมให้สุขภาพดี – ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมแห้งเสียหรือเส้นผมอ่อนแอ กระชายเป็นตัวเลือกที่ดีในการบำรุงเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ช่วยแก้ปัญหาผมขาวให้กลับมาดกดำ ทำให้ผมบางกลับกลายมีเป็นผมหนานุ่มได้
  • อีกครั้ง สามารถจัดการปัญหาผมร่วงและผมหงอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ต่อต้านการอักเสบ – กระชายมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมที่ช่วยต้านการอักเสบ การรับประทานกระชายอย่างต่อเนื่อง จะได้รับผลเหมือนกับการทานยาแอสไพริน โดยจะช่วยแก้ปัญหาการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกายได้ดี
  • ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายแข็งแรงมากขึ้น
  • เพิ่มพลังให้ร่างกาย – กระชายสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังได้ โดยการนำกระชายมาปั่นแล้วดื่ม กระชายมีคุณสมบัติเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกมีพลัง รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มไปด้วยพลังงาน
  • ใช้รักษาโรคทั่วไป – ประโยชน์ของกระชายมีมากมายหลายด้าน ซึ่งใช้เป็นยารักษาโรคได้หลายขนาน เช่น บำรุงสมอง แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ บำรุงตับ รักษาโรคกระเพาะ ทำให้ไตแข็ง
  • แรง ช่วยป้องกันไทรอยด์เป็นพิษ แก้อาการแน่นหน้าอก และแก้โรคในปาก เช่น ปากแห้ง ปากเปื่อย เป็นต้น
  • ใช้ลดน้ำหนัก – กระชายสามารถใช้ในการลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาวิจัยในประเทศเกาหลีใต้พบว่า การรับประทานกระชายวันละ 300 – 600 มิลลิกรัม จะมีรอบเอวและไขมันต่ำลดลงภายใน 12 สัปดาห์
  • บำรุงลำไส้ – เหง้ากระชายมีรสชาติเผ็ดร้อน สามารถใช้บรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อได้ นอกจากนี้ กระชายยังมีสารซิเนโอเล ที่มีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องลดลง และยังใช้
  • เป็นยารักษาริดสีดวงได้ด้วย

การศึกษาทางเภสัชวิทยา:
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ

การทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบในหลอดทดลอง ของ Boesenbergin A ซึ่งเป็นสารกลุ่มชาลโคนที่แยกได้จากรากกระชาย โดยดูผลการยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ (NO) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งหลั่งจาก macrophage ของหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย IFN-γ และ LPS (lipopolysaccharide) พบว่า Boesenbergin A สามารถต้านการอักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ความเข้มข้น 12.5 ถึง 50 μg/mL และไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ monocytic macrophage RAW 264.7 ของหนู ที่ความเข้มข้น 50 μg/mL เมื่อทดสอบด้วยวิธี วิธี 3-(4,5-dimethylthiazol-2-yl)-2,5-diphenyltetrazolium bromide MTT assay (Isa, et al., 2012)

ฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง

การทดสอบฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง ของ Boesenbergin A ซึ่งเป็นสารกลุ่มชาลโคนที่แยกได้จากรากกระชาย ทดสอบในเซลล์มะเร็ง 4 ชนิด ที่แยกได้จากคน ได้แก่ เซลล์มะเร็งปอดชนิดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (A549), เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก (PC3), เซลล์มะเร็งตับ (HepG2), เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ (HT-29) และเซลล์ตับปกติ (WRL-68) โดยใช้การตรวจสอบด้วยวิธี 3-(4,5-dimethylthiazol-2-yl)-2,5-diphenyltetrazolium bromide MTT assayพบว่ามีค่าการยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง โดยมีค่า ความเข้มข้นที่ยับยั้งได้ร้อยละ 50 (IC50) เท่ากับ 20.22 ± 3.15, 10.69 ± 2.64, 20.31 ± 1.34, 94.10 ± 1.19 และ 9.324 ± 0.24 μg/mL ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับสารมาตรฐาน Paclitaxel มีค่า IC50 เท่ากับ 5.81 ± 1.03, 0.08 ± 0.03, 1.18 ± 0.24, 0.06 ± 0.02 และ 0.10 ± 0.05 μg/mL ตามลำดับ แสดงว่าสาร Boesenbergin A จากรากกระชาย เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งหลายชนิด แต่ก็มีพิษต่อเซลล์ตับปกติสูงด้วย (Isa, et al., 2012)

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

การทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลอง ของ Boesenbergin A ซึ่งเป็นสารกลุ่มชาลโคน ที่แยกได้จากรากกระชาย โดยใช้การตรวจสอบด้วยวิธี ORAC assay (The oxygen radical absorbance capacity assay)ซึ่งเป็นการวัดความสามารถของสารทดสอบในการยับยั้งอนุมูลเปอร์ออกซี (peroxy radicals) โดยใช้ quercetin เป็นสารมาตรฐาน การรายงานผลเป็นความเข้มข้นเทียบเท่ากับ Trolox (สารต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นอนุพันธุ์ของวิตามินอี) หรือ Trolox equivalents ผลการทดสอบพบว่า Boesenbergin A ขนาด 20 μg/mLและ quercetin ขนาด 5μg/mLออกฤทธิ์ได้เทียบเท่ากับ Trolox 11.91 ± 0.23 และ 160.32 ± 2.75 μM ตามลำดับ (Isa, et al., 2012)

 

กระชาย” สรรพคุณ-ประโยชน์ ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ

บำรุงกำลัง และชะลอความแก่ สมุนไพรไทยลักษณะเทียบเท่าโสมเกาหลีเลยทีเดียว แนะนำให้ดื่มน้ำกระชาย คนอีสานเขาไม่รู้จักกระชาย แต่เขาพยายามไปหามา เขาไปขุดหัวกระชายดำมาให้ดูว่าอย่างนี้ใช่หรือเปล่า ธรรมดาสมุนไพรสีดำทุกชนิดจะช่วยบำรุงไต

กระชายถือเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลโสม

  • มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรที่เหมือนกับโสม แต่จะมีการระบายออกตามธรรมชาติ ซึ่งต่างจากโสมที่จะไม่มีการระบายออก กระชายเหลืองมีสรรพคุณช่วยแก้ลมวิงเวียน แน่นหน้าอก; ช่วยบำรุงกำลัง เสริมสมรรถภาพทางเพศ บำบัดโรคนกเขาไม่ขันหรือโรคอีดี (Erectile Dysfunctional หรือ ED); ช่วยบำรุงหัวใจ ข่า
  • เหง้ากระชาย ว่านพระอาทิตย์ ขิงจีน; หน่วยละ 1 กิโลกรัม มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย; ช่วยบำรุงกำลัง เสริมสมรรถภาพทางเพศสินค้าเป็นกระชายบ้าน กระชายนิยมใช้เป็นสมุนไพรในครัวเรือน โดยส่วนที่นำมาใช้มากที่สุดคือเหง้าและรากที่อยู่ใต้ดิน ในประเทศไทยมีกระชายอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ กระชายเหลือง กระชายแดง และกระชายด
  • ต้นกระชาย เป็น พืชล้มลุก มีความสูงประมาณ 1 เมตร ใบมีกลิ่นหอม ดอกของกระชายจะมีสีม่วง ดอกจะออกเป็นช่อ การขยายพันธุ์ โดยส่วนเหง้า กระชายชอบดินที่ร่วนซุย รสและสรรพคุณทางยา : รสเผ็ดเล็กน้อย ขมนิดหน่อย ใช้แก้ปวดมนในท้องไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อใช้บำรุงร่างกาย. สรรพคุณของสมุนไพรกระชาย
  • กระชายเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของกระชาย คือ Boesenbergia rotunda (L.) Mansf. วงศ์ขิง ประโยชน์ของกระชายมีมากมายหลายด้าน ซึ่งใช้เป็นยารักษาโรคได้หลายขนาน เช่น บำรุงสมอง แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ บำรุงตับ ข่า

 

ใส่ความเห็น